หลาย ๆ คนสงสัยไหมว่า เวลาที่เราไปเดินดูงานศิลปะตามพิพิธภัณฑ์หรือตามแกลเลอรี่ต่าง ๆ ผลงานบางชิ้นที่มีกระจกกั้นอยู่ แต่ทำไมเราสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนและคมชัด บางครั้งก็เหมือนกับว่าไม่มีกระจกกั้นเราอยู่เลย เพราะว่าอะไร? นั่นก็เพราะว่าตามพิพิธภัณฑ์หรือตามแกลเลอรี่บางแห่งนั้น จะใช้กระจกชนิดพิเศษที่เรียกว่า Museum Glass ที่ช่วยตัดการสะท้อนหรือควบคุมการสะท้อนของแสงนั่นเอง .
ในต่างประเทศนั้นจะเรียกกระจกชนิดนี้ว่า “AR (anti reflective) glass” ที่หมายถึงกระจกป้องกันการสะท้อนของแสง แต่ในประเทศไทย จะนิยมใช้คำว่า “Museum glass” หรือ ‘กระจกพิพิธภัณฑ์’ เพราะเข้าใจง่ายกว่านั่นเอง โดย “Museum glass” ถือว่าเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สำคัญมากในโลกของศิลปะ เพราะสามารถกรองรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผลงานศิลปะได้มากถึง 72-99% และยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นมาก ๆ ของกระจกชนิดนี้นั่นก็คือ ใสและไม่สะท้อนแสง ซึ่งอัตราการสะท้อนของกระจกทั่ว ๆ ไปจะมีค่าสะท้อนอยู่ที่ประมาณ 8% แตกต่างกับกระจก Museum Glass ที่มีค่าสะท้อนต่ำกว่า 1% จึงเรียกได้ว่า แทบจะไม่มีการสะท้อนเลย ทำให้เราสามารถดูงานศิลปะ วัตถุ หรือสิ่งของต่าง ๆ ได้ทุกมุมโดยที่ไม่เห็นการสะท้อนของวัตถุ หรือเห็นได้น้อยมาก ๆ
เหตุผลที่ทำไมตามพิพิธภัณฑ์หรือตามแกลเลอรี่ต่าง ๆ ใช้กระจกชนิดนี้ เพราะว่าสามารถกรองรังสี UV ได้ ลดการสะท้อนแสงเวลามอง และเพื่อให้แน่ใจว่าคนที่เข้าชมงานสามารถมองเห็นผลงานศิลปะได้ชัดเจน ไม่ว่าแสงที่ถูดจัดขึ้นในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรี่จะเป็นอย่างไร เราก็สามารถมองชิ้นงานได้ โดยเหมือนกับงานชิ้นนั้นไม่มีกระจกอยู่เลย อีกทั้งยังช่วยปกป้องงานศิลปะจากความเสียหายจากองค์ประกอบต่าง ๆ อีกด้วย
กระจก Museum glass นั้นก็มีอยู่หลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเรา ซึ่งเราได้หยิบยกตัวอย่างมาคร่าว ๆ ให้กับคนที่สนใจด้วย ซึ่งจะมีอยู่ 6 ชนิด ได้แก่
1. ‘ARTGLASS AR 99 WATER WHITE’ ที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV โดยไม่ลดทอนความใสแต่อย่างใดจึงสามารถเห็นผลงานได้เหมือนชิ้นจริง
2. ‘ARTGLASS LIFETIME ACRYLIC’ ที่เป็นอะคริลิค ที่ป้องกันแสง UV และมีการเคลือบ เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนและป้องกันไฟฟ้าสถิต ซึ่งจะมีความแข็งแรงและแตกหักยาก แต่ราคาก็จะสูงกว่ากระจกทั่วไปมากถึง 4 เท่า
3. ‘ARTGLASS AR 70’ จะให้สีที่ตรงกับของจริง แต่ประสิทธิภาพในการกันรังสี UV จะน้อยลง
4. ‘ARTGLASS AR 92’ ที่สามารถกันรังสี UV ได้สูงถึง 92% และยังให้สีที่ตรงกับของจริงด้วย
5. ‘ARTGLASS AR 99 PROTECT’ ที่มีความทนทานสูง และยังสามารถกันรังสี UV ได้สูงและแตกหักได้ยาก
6. ‘ARTGLASS UV 99’ ที่จะไม่โปร่งใสเท่ารุ่นอื่น ๆ แต่ว่าสามารถกันรังสี UV ได้สูงที่สุด
.
จะเห็นได้ว่า แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นหรือจุดด้อยที่แตกต่างกัน ซึ่งตัวเลขที่มากหรือน้อยจะระบุถึงประสิทธิภาพที่ป้องกันแสง UV ขึ้นอยู่กับว่าเรามีงบประมาณ หรือความต้องการที่จะนำไปติดที่ผลงานแบบไหน
แต่กระจกที่ใช้ในงานศิลปะนั้นก็ไม่ได้มีแค่ Museum glass อย่างเดียว แต่ยังมีอีกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ‘กระจกใสแบบธรรมดา’ ที่มีการสะท้อนแสงมากหากมีแสงเข้ามากระทบ ทำให้ลดความคมชัดของภาพ แต่สีของภาพนั้นจะตรงกับของจริง หรือ ‘กระจกตัดแสง’ ที่ลดแสงสะท้อน ทำให้ภาพมีความสวยงาม เห็นชัดเจนเมื่อใส่กรอบรูป แต่ความคมชัดจะไม่เท่ากับกระจกใสแบบธรรมดา ทั้งนี้การเลือกใช้กระจกชนิดต่าง ๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการนำผลงานไปจัดแสดง หรือโชว์ไว้ที่ไหน กระจกแต่ละชนิดก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป อยู่ที่เราเลือกใช้
สายอาร์ตถ้าได้ไปตามพิพิธภัณฑ์หรือตามแกลเลอรี่ต่าง ๆ ก็ลองสังเกตดูว่าบางที่ใช้กระจกชนิดไหน ถ้าเจอที่ที่ใช้ Museum glass ก็สามารถคอมเม้นต์มาบอกใต้โพสนี้ได้ และถ้าชอบคอนเทนต์นี้ก็อย่าลืมกดไลค์กดแชร์และกดติดตามเพจ Art Tank Media ของเราด้วย!!
อ้างอิง ขอขอบคุณ นาย สิตมน อังศธรรมรัตน์ . https://www.elframo.co.nz/blog/what-is-museum-glass https://www.baasframingstudio.com/.../why-use... https://www.bangkokframe.com/ https://artglass.groglass.com/products/ ______ สามารถติดตามคอนเทนต์ของเราเพิ่มเติม ได้ที่ : https://arttank.media/ หรือ ส่งข้อมูลข่าวสารให้เราประชาสัมพันธ์ได้ที่ media@arttankgroup.co.th Follow us here for more contents : https://arttank.media/ Send us your Art news for PR here : media@arttankgroup.co.th
コメント